ข่าวที่ 06/20-01
วันที่ 20 มิถุนายน 2544
สรุปผลการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5
วันนี้ เวลา 09.00 น. รองนายกรัฐมนตรี
(นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรอง
เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาล
สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี
คณะที่ 5 อนุมัติหลักการตามที่ กระทรวงคมนาคมเสนอการจัดทำโครงการ การศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ
และสังคม โดยให้จัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ขั้นสมบูรณ์มีผู้แทนของส่วนราชการ
ทุกกระทรวง ทบวง กรม
นักวิชาการ ประชาชน และองค์กรพัฒนาภาคเอกชนร่วมเป็นคณะกรรมการ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการดังกล่าวอยู่ภายใต้นโยบายและการกำกับดูแลของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนำเสนอผลการศึกษาเพื่อใช้กำหนดทิศทางนโยบายของรัฐบาลต่อไป และให้กระทรวงคมนาคมเจรจาขอรับการสนับสนุนแหล่งเงินเพื่อทำการศึกษาจากองค์กรเอกชนทั้งในประเทศ
และต่างประเทศต่อไปโดยไม่มีเงื่อนไขผูกพัน ใช้เวลาในการศึกษาประมาณ
2
ปี ทั้งนี้
กระทรวงคมนาคมเสนอว่า
1. จากการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ และสังคมที่ผ่านมาได้มีประชาชน นักวิชาการอิสระองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนมาก เสนอแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวหลายหนทางปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการขุดคลองเชื่อมสองฝั่งทะเลบริเวณพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย ระหว่างมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเรียกกันว่า คอคอดกระ หรือ คลองกระ จะเกิดเป็นเส้นทางใหม่ในการคมนาคม ทางทะเลของโลก ที่เอื้อผลประโยชน์ในด้านการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้ประชาชนจำนวนมาก เสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้มีเสถียรภาพ และมั่นคงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สมควรที่จะพิจารณาใช้เป็นโครงการ แก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจและสังคมต่อไป
2. การศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระในอดีตที่ผ่านมาได้มีนักวิชาการและหน่วยงานต่าง ๆ ศึกษาความเป็นไปได้ขั้นต้น (Pre Feasibility Study) เท่านั้น ทำให้ผลสรุปที่ได้รับ จากการศึกษายังไม่ครอบคลุมทุกด้าน เป็นเหตุให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นแตกต่างกัน กระทรวงคมนาคมจึงเห็นควรศึกษาความเป็นไปได้ขั้นสมบูรณ์ (Full Feasibility Study) ในการขุดคลองกระ โดยมีวัตถุประสงค์ของการศึกษา ดังนี้
1. การศึกษาความเป็นไปได้ขั้นสมบูรณ์จะเป็นการยืนยันตามหลักวิชาการว่า โครงการขุดคลองกระมีความเป็นไปได้ (Feasibility) สามารถยอมรับได้ (Aceptability) และมีความเหมาะสม (Suitability) ซึ่งจะเป็นข้อมูลนำไปสู่การตัดสินใจของประชาชนและรัฐบาลเพื่อดำเนินการต่อไป
2. เพื่อพิจารณาและศึกษาผลประโยชน์และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพลังอำนาจแห่งชาติทุกด้าน อันเป็นองค์ประกอบสำคัญของความมั่นคงแห่งชาติ
3. เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ด้านการเลือกเส้นทางแนวคลอง วิศวกรรมการก่อสร้างคลอง และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง
4. เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ด้านเศรษฐกิจการลงทุนและความคุ้มค่าในการลงทุน
5. เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในด้านการรับฟังความคิดเห็นและการแสดงประชามติ หรือประชาพิจารณ์ (Public Hearing) จากประชาชนระยะเวลาในการศึกษาใช้เวลาประมาณ 1 ปี 6 เดือน จัดทำประชามติหรือประชาพิจารณ์ประมาณ 6 เดือน รวมเป็นเวลาประมาณ 2 ปี
2. เรื่อง การทบทวนร่างพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
พ.ศ.
. และร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ฉบับที่..)
พ.ศ.
. รวม 2 ฉบับ
คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 พิจารณาทบทวนร่างพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. . และร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่..) พ.ศ. . รวม 2 ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตร ีเสนอข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีในเรื่องร่างพระราชบัญญัติอนุพันธ์และตลาดอนุพันธ์ พ.ศ. . และร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่..) พ.ศ. . รวม 2 ฉบับ ดังกล่าว แล้วที่ประชุมมีมติยืนยันการสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติ ทั้ง 2 ฉบับทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีข้อสังเกตดังนี้
1.การออกกฎหมายขนาดใหญ่ตามร่างพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. มาจัดตั้งตลาด Derivatives อาจยังไม่มีความจำเป็น ในขณะที่ปริมาณธุรกรรมยังมีน้อย
2.ผู้ทำธุรกรรม Derivativesอาจเกิดการขาดทุนเป็นจำนวนมาก และรวดเร็วหากมีการบริหาร โดยไม่รอบคอบ
3. ความต้องการและปริมาณการทำธุรกรรม Derivatives มีน้อยมากจนไม่มีข้อมูลปรากฎ ในฐานข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( กลต. ) ชี้แจงดังนี้
1) วัตถุประสงค์ของ ร่าง พรบ. สัญญาซื้อขายล่วงหน้า คือ เพื่อรองรับสถานภาพทางกฎหมายของสัญญา ซื้อขายล่วงหน้าที่ทำขึ้นโดยสุจริต และทางการสามารถกำกับดูแลผู้ประกอบการ และควบคุมผลกระทบต่อความมั่นคง ของระบบการเงิน มิได้มีการจัดตั้งตลาดซื้อขายล่วงหน้าขึ้นได้ทันที แต่จะเกิดขึ้นเมื่อเอกชนมีความพร้อมและทางการอนุญาต
2) ร่าง พรบ. ให้อำนาจในการกำหนดเงื่อนไข คุณสมบัติผู้ประกอบการ ระบบควบคุมภายในและบริหารความเสี่ยง ซึ่งจะช่วยลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาเรื่องการขาดทุนเป็นจำนวนมากจากธุรกรรมซื้อขายล่วงหน้า ตลอดจนกำหนดเกณฑ์การชำระราคาการปฏิบัติต่อลูกค้า และเปิดเผยความเสี่ยงเพื่อป้องกันความเสียหายต่อระบบสถาบันการเงิน
3) หากพิจารณาความผันผวนของตลาดการเงินที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าความเสี่ยงมีอยู่จริง ซึ่งหากภาคธุรกิจไม่สามารถป้องกัน ความเสี่ยงได้เหมาะสม ก็จะกระทบการดำเนินการได้ การที่มีข้อสังเกตว่าไม่พบธุรกรรมในประเทศ ที่เกี่ยวกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทางการเงินบนฐานข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย และส่วนมากสถาบันการเงินต่างชาติเป็นตัวกลางนั้น มิได้หมายความว่าความต้องการคุ้มครองความเสี่ยงมีอยู่น้อย แต่เป็นเพราะขาดกฎหมายที่ชัดเจนในการรองรับธุรกรรม และมีต้นทุนในการคุ้มครองความเสี่ยงสูง จนอาจไม่คุ้ม เป็นผลให้เสมือนว่าความต้องการคุ้มครองความเสี่ยงมีอยู่น้อย และการที่สถาบันของไทยไปทำธุรกรรมนอกประเทศเป็นส่วนมาก ทำให้ขาดความโปร่งใสของข้อมูลที่มีผลกระทบต่อระบบการเงินของประเทศสำนักงาน กลต. ยืนยันว่าการตรา พรบ. นี้เป็นการเอื้อต่อการพัฒนาธุรกรรมซื้อขายล่วงหน้าในประเทศ การมีกฎหมายรองรับเพื่อให้ทุกฝ่ายเกิดความมั่นใจ จะเป็นแรงจูงใจกระตุ้นให้มีการทำธุรกรรมมากขึ้น และเมื่อภาคเอกชนมีความพร้อมในทุก ๆ ด้านที่จะประกอบธุรกิจที่อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายนี้ ก็จะมาขออนุญาตจากทางการ เพื่อเป็นผู้ประกอบธุรกิจ ศูนย์ซื้อขายล่วงหน้า หรือสำนักบริหารบัญชี ดังนั้น ร่าง พรบ.นี้ จึงเป็นโครงการพื้นฐานที่จำเป็นยิ่งสำหรับการพัฒนาตลาดการเงินในประเทศ
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้ารายงานมาตรการเพื่อพัฒนาความสามารถ ในการเพิ่มรายได้จากการส่งออกและลดการนำเข้าของกระทรวงการคลัง และที่ประชุมขอให้นำเรื่อง โครงการส่งเสริมนิยมไทยเสนอที่ประชุมครั้งต่อไป ซึ่งมาตรการรณรงค์ส่งเสริมให้เกิดกระแสการประหยัด เงินตราควบคู่กับการลดความนิยมบริโภคสินค้าต่างประเทศและเพิ่มค่านิยมไทย กระทรวงการคลังมีการดำเนินการแล้วภายใต้โครงการ ประหยัดเงินตราและเพิ่มค่านิยมไทย โดยกระทรวงการคลังได้ริเริ่มดำเนินโครงการมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2543 นอกจากนี้ในส่วนของกระทรวงการคลังได้กำหนดแผนงานย่อย รวม 6 แผนงาน เพื่อให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดถือปฏิบัติ ซึ่งได้เริ่มปฏิบัติแล้วตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน 2544
**********************
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ดวงฤดี รัตนโอฬาร / รายงาน